วันพุธที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2555

ที่แก่งหินเพิง

“สนุก-มันส์-ฮา“ ที่แก่งหินเพิง


หยาดฝนเดือนตุลาคมยังคงโปรยปราย ป่าไม้ ต้นไม้ ทุ่งหญ้า นาข้าว ต่างชูช่อ แตกใบเชียวชะอุ่ม เพื่อซึมซับน้ำทิพย์จากสวรรค์กันอย่างเต็มที่ ด้วยธรรมชาติต่างหยั่งรู้ว่า อีกเพียงไม่นานฝนหยาดสุดท้ายก็จะห่างหายไปจากฟากฟ้า พร้อมๆ กับสายลมหนาวที่จะพัดผ่านเข้ามาเยือน
และธรรมชาติในตัวผม ก็หยั่งรู้ได้ว่า ผมไม่มีวันที่จะปล่อยให้สายฝน น้ำทิพย์อันใสสะอาดผ่านเลยไป โดยที่ยังไม่ได้ทำความรู้จักกับมัน...ไวเท่าความคิด สองมือของผมก็คว้าโน้ตบุ๊คคู่ใจมาเปิด พร้อมหาข้อมูลการท่องเที่ยวหน้าฝนแบบ adventure เมื่อได้สิ่งที่ต้องการ ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นโทรไปที่ "วังตะพาบรีสอร์ท" สถานีที่พักที่โอบล้อมไปด้วยธรรมชาติ และเพียบพร้อมไปด้วยการผจญภัยในแบบที่ผมชอบ นั่นก็คือกิจกรรม "ล่องแก่ง" ที่ "แก่งหินเพิง"
เวลาสี่นาฬิกา ผมขับรถพาเพื่อนๆ กว่า 10 ชีวิต มุ่งหน้าจากถนนวิภาวดี-รังสิต ผ่านนครนายก ออกเลี่ยงเมืองปราจีนบุรี ผ่าน อ.ประจันตคาม อ.กบินทร์บุรี ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ด้วยระยะทาง กว่า 200 กิโลเมตร ในที่สุดเราก็ถึงจุดหมายที่ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี อันเป็นสถานที่ตั้งของวังตะพาบรีสอร์ท
เพื่อพาตัวเองออกจากความเมื่อยขบ หลังจากขับรถมากว่า 2 ชั่วโมง ผมจึงรีบลงจากรถ พร้อมกับชักจูงเพื่อนฝูงให้นำสัมภาระไปเก็บ จากนั้นก็พากันไปตุนเสบียงใส่กะเพาะอาหาร ก็กองทัพมันต้องเดินด้วยท้องนี่ครับ จริงไหม?...พอเริ่มมีแรงกันสักหน่อย ผมก็รีบไปสอบถามทางรีสอร์ททันทีว่า ผมจะได้เริ่มต้นผจญภัยตอนไหน ก็ได้ความว่า ล่องแก่งจะเริ่มต้นขึ้นเกือบ 10 โมง เวลายังเหลือ จะปล่อยให้เสียเปล่าก็กระไรอยู่ครับ หาเรื่องไปกระโดดหอ กระตุ้นความเสียวก่อนไปล่องแก่งดีกว่า
เวลาประมาณ 09.30 น. เจ้าหน้าที่ของโรงแรมก็เรียกผมและเพื่อนไปอบรมเกี่ยวกับการล่องแก่งที่ ปลอดภัย รวมไปถึงบอกถึงวิธีระวังตัวหากเกิดประกันอุบัติเหตุทางน้ำ คลิกอ่านข้อมูลได้ตามลิ้งค์ด้านล้างนี้ครับ
- การเตรียมตัวไปล่องแก่ง
- หลักการพายเรือล่องแก่ง
- การช่วยเหลือตัวเองเมื่อพลัดตกเรือ
เมื่อเสร็จจากการอบรม เราก็หยิบไม้พาย สวมเสื้อชูชีพ และหมวกกันน็อค แล้วกระโดดขึ้นรถโฟล์วีลที่ทางรีสอร์ทจัดไว้ แล้วมุ่งหน้าไปชายป่าเขาใหญ่ ระยะทางร่วมๆ 6 กิโลเมตร
หลายคนบอกว่า ลีลาของพี่คนขับวัยหนุ่มฉกรรจ์ น่าจะไปขับรถแข่ง เพราะสาดได้ใจทุกโค้ง ตลอดระยะทาง ผมได้ยินเสียงกรีดร้องของชายหนุ่มอกสามสองครึ่งดังลั่นป่าทุกครั้งที่โชเฟอร์หนวดงามเทโค้งแบบไม่มีเบรค...นั่นเหมือนได้ล่องแก่งบกไปแล้วเรียบร้อย (555)
เราใช้เวลาบนรถไปเพียง 10 นาที ก็ถึง ขญ.9 แล้วเดินเท้าเข้าไปอีกประมาณ 2.5 กิโลเมตร ลัดเลาะป่าเขาใหญ่ชมธรรมชาติเพลินๆ ยังไม่ทันเหนื่อยก็ถึงแก่งหินเพิง ผมได้ยินเสียงน้ำกระทบโขดหิน ดังสนั่นไปทั่วผืนป่า เหมือนเป็นสัญญาณที่บอกกับเราว่า ความสนุกกำลังจะเกิดขึ้นแล้ว
ทริปนี้ประกอบด้วยเรือยางจำนวน 2 ลำ ซึ่งแต่ละลำจะประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ 2 คน ประจำอยู่หัวเรือและท้ายเรือ ที่นั่งที่เหลือก็เป็นของพวกเราครับ (เรือ 1 ลำ นั่งได้ประมาณ 8 คน) เมื่อประจำที่กันพร้อมแล้วเรือยางก็เริ่มไหลลื่นไปตามสายน้ำเชี่ยวกราก น้ำซัดเรือยางอย่างแรง จนพวกเราหงายหน้า หงายหลังกันระเนระนาด แต่ก็ต้องรีบพลิกตัวมาจับไม้พาย แล้วกลับเข้าประจำที่ เพื่อบังคับเรือยางต่อไป เพราะยังมีแก่งข้างหน้ารออยู่
เสียงของน้ำที่กระทบกับเรือยาง ดูเหมือนจะยิ่งสร้างความตื่นเต้นเร้าใจให้กับพวกเรา เรียกได้ว่า ยิ่งเล่นยิ่งคึก มีบางช่วงจังหวะที่สายน้ำปล่อยให้เราได้พักหายใจ แล้วก็แกล้งต่อด้วยการเข้ามากระแทกอย่างแรง...ละลิ่ว ล่องลอย กระแทกกระทั้น กระเด็นกระดอน กระโดดลอยคอ สุดแต่จะสรรหาคำมาอธิบายความสนุกสนานของการได้ล่องแก่ง ที่แม้ร่างกายจะนั่งติดอยู่บนเรือยาง มือถือพาย แต่ผมกลับรู้สึกว่า หัวใจของผมได้หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับสายน้ำและธรรมชาติสองข้างทางไปแล้ว...
จากแก่งหินเพิง อันเป็นจุดเริ่มต้นของการล่องแก่ง  ไหลเรื่อยลงมายังแก่งผักหนามล้อม แก่งวังบอน แก่งลูกเสือ แก่งวังไทร และปิดท้ายที่แก่งงูเห่า แก่งสุดท้ายของการผจญภัยในครั้งนี้ พวกเราก็เสียงเฮด้วยความดีใจ...ตลอดระยะเวลา 1 ชั่วโมง ความเหนื่อยล้ามีมากเท่าไหร่ แต่ความสุข ความสนุกสะใจ กลับมีมากกว่าหลายเท่าตัว
เราล่องแก่งบกอีกครั้ง เพื่อกลับรีสอร์ทไปจัดการกับอาหารเที่ยวที่ตั้งรออยู่...
ตะวันเลยหัวไปทางทิศตะวันตกเล็กน้อย พวกเรามุ่งหน้ากลับสู่กรุงเทพ เมืองฟ้าอมร...ขณะที่ผมขับรถอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงใครคนหนึ่งถามขึ้นมาเบาๆ ว่า ทริปหน้าจะมาอีกเมื่อไหร่ ผมไม่ได้ตอบใครคนนั้นออกไป เพียงตอบคำถามอยู่ในใจว่า สำหรับแก่งหินเพิง ผมพร้อมเสมอ!
แก่งหินเพลิง
แก่งหินเพลิง



แก่งหินเพลิง






ที่มา  :  http://travel.sanook.com/927675

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น