วันพุธที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2555

ภูทับเบิก - ภูหินร่องกล้า

หนาวสุดใจ...เที่ยวสุขสบาย...สไตล์ภูทับเบิก - ภูหินร่องกล้า

หลายคนว่า หนาวนี้ยาว..และอาจหนาวชอนลึกเข้าไปถึงก้นบึ้งของหัวใจ ว๊าว..ได้ยินแค่นี้ หัวใจพเนจรของใครหลายคนก็กระโจนทะยานไปอาบหมอกผิงไฟบนยอดภูกันหมดแล้ว และก็แน่ล่ะ..ไม่เว้นแม้แต่กองบรรณาธิการของชาวเรา ‘คู่หูเดินทาง' ฉบับนี้ด้วย พวกเราจึงลงมติเป็นเอกฉันท์ว่า คู่หูเดินทางฉบับส่งท้ายปี เราจะพาคุณผู้อ่านไปเที่ยวรับ ไอหมอกยามเช้าบนยอดเขาที่สูงที่สุดของจังหวัดเพชรบูรณ์ พร้อมชมทะเลกระหล่ำปลีที่สวยงามบน ‘ภูทับเบิก' ต่อด้วยช่วงยามเย็นก่อนพระอาทิตย์อัสดงชมทะเลภูเขาเล่าเรื่องประวัติศาสตร์ ณ ‘ภูหินร่องกล้า' จังหวัดพิษณุโลก เรียกได้ว่ามาทริปนี้ทริปเดียวเที่ยวกันจุใจกับ 2 ภูดู 2 บรรยากาศ เป็นการเที่ยวแบบหนึ่งวันเต็มๆ เลยทีเดียว การเดินทางไปยัง 2 จุดนี้อยู่ไม่ไกลกันมากแต่ระยะทางค่อนข้างคดเคี้ยวและสูงชันเป็นบางช่วง จึงต้องใช้ความระมัดระวังในการขับขี่รถยนต์ทุกชนิด หนาวนี้หากชาวคู่หูเดินทางยังไม่มีโปรแกรมท่องเที่ยวที่ไหน ภูทับเบิก และ ภูหินร่องกล้า น่าจะเป็นสถานที่อีกแห่งที่จะสร้างความประทับใจให้คุณและคนที่คุณรักไปอีกนานเท่านาน
ภูทับเบิก
ภูทับเบิก ถือเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดของจังหวัดเพชรบูรณ์ (1,768 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง) แม้จะเปิดตัวเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำหรับคนที่ลุ่มหลงความหนาวได้ไม่นานนัก ทว่าทิวเขาเทือกนี้ก็กลายมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวฮอตฮิตติดชาร์ท UNSEEN THAILAND ได้อย่างรวดเร็ว นั่นอาจเป็นผลมาจากลมส่งหลายประการ อย่าง..‘ระยะทาง' ที่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ เกินไปนัก ขับรถพลิ้วๆ เพลินๆ ไม่ถึง 400 กิโลเมตร ก็มีโอกาสมาสัมผัสกับทะเลกะหล่ำบนยอดเขาในมุมมองแบบสุดสายตา-พานอรามาแล้ว ‘สภาพอากาศ' โดยทั่วไปของภูทับเบิกที่หนาวเย็นเกือบตลอดทั้งปี อันเนื่องมาจากอิทธิพลของ ‘ร่องอากาศเย็น' จากเทือกเขาหิมาลัย ประกอบกับทำเลที่ตั้งซึ่งอยู่บนที่สูง แม้จะเป็นช่วงฤดูร้อนก็ยังให้ความรู้สึกเย็นสบายในยามค่ำคืน ขณะที่ช่วงฤดูหนาวกลางเดือนธันวาคมอย่างนี้ โอกาสที่ชาวคู่หูเดินทางจะต้องนอนซุกใต้ผ้าห่มท่ามกลางอุณหภูมิต่ำสิบ (องศาเซลเซียส) นั้นมีสูงมาก ‘ที่พัก อาหารการกิน' หลากหลายและสะดวกสบาย ไม่ว่าจะเป็นการตั้งแค้มป์นอนคุยกันบนยอดภูประสาเพื่อนฝูง หรือลงมาหารีสอร์ตฮิพๆ ชิลๆ ย่านเขาค้อนอนสบายๆ กับคนรู้ใจ ก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร แถมที่นี่ยังเป็นแหล่งผลิตพืชผักและผลไม้ฤดูหนาวที่สำคัญแห่งหนึ่งของประเทศอีกด้วย เหล่านี้ล้วนเป็นเหตุที่ส่งผลให้นักเดินทางจำนวนมากมายติดใจและพากันบอกปากต่อปาก ให้คนที่รู้จักหาโอกาสมาเยือนแหล่งท่องเที่ยว UNSEEN แนวธรรมชาติแห่งนี้
ภูทับเบิกตั้งอยู่ห่างจากตัวจังหวัดเพชรบูรณ์ประมาณ 97 กิโลเมตร ที่มาที่ไปของชื่อภูแปลกแปร่งหูนี้ก็เพราะทำเลที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจาก ‘หมู่บ้านม้งทับเบิก' ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลวังตาล (ห่างจากตัวอำเภอหล่มเก่า ประมาณ 40 กิโลเมตร) สำหรับนักท่องเที่ยวที่ปรารถนาจะสัมผัสความหนาวเยือกของยอดภูทับเบิกในยามค่ำคืน อาจต้องเตรียมการล่วงหน้าสักเล็กน้อย โดยควรแจ้งความประสงค์ไปยังเจ้าของพื้นที่ คือ อบต.วังบาล ว่าต้องการพักค้างแรมลักษณะไหน จะตั้งแค้มป์กางเต็นท์ หรือจะขอเข้าพักในบ้านที่ทาง อบต. จัดเตรียมไว้ (มีจำนวนจำกัด) หน่วยงานในพื้นที่อีกแห่งที่พอจะรองรับนักท่องเที่ยวได้คือ บ้านพักสถานีอนามัยทับเบิก ซึ่งรองรับได้จำนวนจำกัดเช่นกัน ฝั่ง ตรงข้ามกับหน่วยพิทักษ์ภูทับเบิก สถานีอนามัยภูทับเบิกจะเป็นจุดชมวิวอีกจุดหนึ่งที่เรียกน้ำย่อยให้กับนักท่องเที่ยวก่อนถึงจุดสูงสุด พร้อมมีการนำผลิตผลทางการเกษตรของชาวม้งมาจำหน่ายกันด้วย อาทิ เบบี้ แครอท กระหล่ำปลี ผักกาดขาว แตงกวายักษ์ ถั่วหวาน ถั่วลันเตา เป็นต้น ราคาไม่แพงสามารถต่อรองได้อีกนิดหน่อย
ภูหินร่องกล้า
ไม่ไกลจากทุ่งหมอกและทะเลกะหล่ำแห่งภูทับเบิก คือที่ตั้งของอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและประวัติศาสตร์การต่อสู้ทางอุดมการณ์ของชนชาติไทยที่สำคัญในอดีต อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ตั้งอยู่บนรอยต่อสามจังหวัด คือ พื้นที่อำเภอด่านซ้าย ของจังหวัดเลย พื้นที่อำเภอนครไทย ของจังหวัดพิษณุโลก และพื้นที่อำเภอหล่มสัก ของจังหวัดเพชรบูรณ์ มีอาณาเขตพื้นที่ประมาณ 191,875 ไร่ ถือเป็นแหล่งทรัพยากรทางธรรมชาติที่สำคัญแห่งหนึ่งของไทย จึงไม่แปลกที่ภูหินร่องกล้าจะประกอบไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวที่งดงามอลังการมากมาย อาทิ..
+ ลานหินแตก
เป็นลานหินขนาดใหญ่กินอาณาบริเวณกว้างขวางถึง 40 ไร่ ลักษณะของลานหินเสมือนรอยแตกเป็นแนวร่องเหมือนแผ่นดินที่แยกออกจากกัน สันนิษฐานว่าอาจเกิดจากการโก่งตัวหรือเคลื่อนตัวของผิวโลกในอดีต จึงทำให้พื้นหินบริเวณนี้แตกออกเป็นแนว บางร่องบางรอยมีขนาดไม่กว้างนัก พอก้าวข้ามไปได้ ขณะที่บางรอยกว้างจนไม่สามารถจะกระโดดข้ามได้ บริเวณลานหินแตกยังถูกปกคลุมไปด้วยพืชตระกูลมอส ไลเคน ตะไคร่ เฟิร์น ต้นกระดุมเงิน ดอกไม้ป่า และกล้วยไม้สีสันสดสวยแปลกตามากมาย ให้ชมผลัดเปลี่ยนกันไปตามฤดูกาลอีกด้วย ลานหินแตกตั้งอยู่ห่างจากฐานพัชรินทร์ ประมาณ 300 เมตร
+ ลานหินปุ่ม
ลักษณะสัณฐานคล้ายกับลานหินแตก ทว่าความแปลกประหลาดที่ธรรมชาติได้รังสรรค์ขึ้นนั้นตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง คือ ไม่ได้แตกเป็นร่องลึกแต่นูนโค้งเป็นทรงกลมบ้าง ครึ่งวงกลมบ้าง ไม่ก็รีเรียวบิดเบี้ยวบ้าง คาดว่าเกิดจากการสึกกร่อนตามธรรมชาติของหินมาเป็นระยะเวลานับพันนับหมื่นปีแล้ว ลานหินปุ่มตั้งอยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 4 กิโลเมตร ทำเลที่ตั้งอยู่บริเวณริมหน้าผา ลมพัดเย็นสบาย มองลงไปเป็นผืนป่ากว้างสุดสายตา เหมาะสำหรับการหย่อนใจเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะบรรยากาศยามเย็นช่วงพระอาทิตย์ใกล้ตกดินถือว่าเป็นช่วงที่สวยช่วงหนึ่งของที่นี่เลยก็ว่าได้ แต่อย่าชมกันจนเพลินหล่ะ เผื่อเวลาไว้สำหรับตอนเดินกลับออกไปยังลานจอดรถด้วย ประมาณ 1 กิโลเมตรเห็นจะได้ และยิ่งในช่วงหน้าหนาวท้องฟ้าจะมืดไว้มากควรพกไฟฉายติดตัวไว้อุ่นใจแน่นอน
+ ผาชูธง
เป็นจุดที่ตั้งอยู่ห่างออกจากลานหินปุ่มอีกเพียง 500 เมตร ลักษณะเป็นเพิงผาสูงชัน สามารถมองทิวทัศน์บริเวณโดยรอบได้เกือบ 360 องศา เป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกจุดหนึ่งที่เหมาะสำหรับการมานั่งรอชมบรรยากาศอาทิตย์ลับขอบฟ้า (แต่ควรพิจารณาเรื่องความปลอดภัย เนื่องจากมีพื้นที่แคบ) ในอดีตบริเวณนี้เคยเป็นสถานที่ที่กลุ่ม ผกค. ขึ้นไปชูธงแดงรูปค้อนเคียวทุกครั้งที่ทำการรบชนะฝ่ายรัฐบาล ปัจจุบันทางอุทยานฯ ได้นำธงชาติไทยขึ้นไปปักปันไว้แทน
นอกจากนี้ ภายในบริเวณอุทยานฯ ยังประกอบไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจอีกมากมาย อาทิเช่น พิพิธภัณฑ์การสู้รบ, โรงเรียนการเมืองการทหาร, กังหันน้ำ, สำนักอำนาจรัฐ, โรงพยาบาลรัฐ, ลานอเนกประสงค์, สุสาน ทปท., ที่หลบภัยทางอากาศ และหมู่บ้านมวลชน เป็นต้น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการศึกษาการสู้รบและแนวคิดทางอุดมการณ์ทางการเมืองที่แตกต่างกันระหว่างคนไทยด้วยกันเองในอดีต ในส่วนของที่พักและร้านอาหาร ทางอุทยานฯ ได้ทำการก่อสร้างอาคารบ้านพักและร้านอาหารไว้อย่างสวยงาม ภายใต้ร่มเงาของป่าสนสองใบและสามใบ นักท่องเที่ยวสามารถติดต่อขอจองบ้านพักได้โดยตรงกับสำนักงานอุทยานฯ และทางเว็บไซต์ ภูหินร่องกล้า ถือเป็นอุทยานแห่งชาติที่มีการจัดการการท่องเที่ยวได้ดีที่สุดแห่งหนึ่งของไทย ซึ่งนั่นน่าจะทำให้ทริปการเดินทางครั้งหน้าของชาวคู่หูเดินทางทุกท่าน จบลงได้อย่างสวยงามและน่าจดจำเป็นอย่างยิ่ง
ระหว่างเดินทางกลับมายังจังหวัดกรุงเทพฯ บนถนนสายสระบุรี-หล่มสัก อย่าลืมแวะพักรับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มแสนอร่อยที่ร้าน "ธาราดล คอฟฟี่ แอนด์ เรสเตอรองก์" ร้านสวย บรรยากาศดี อาหารอร่อย และเลยจากจุดนี้ไปอีกไม่ไกลนักเรายังสามารถแวะเที่ยวชม ทุ่งดอกทานตะวันที่กำลังบานสะพรั่งต้อนรับการมาเยือนจากนักท่องเที่ยว เดินทางง่ายมีป้ายบอกตลอดเส้นทาง ได้ทุกรส ครบทุกบรรยากาศกับคู่หูเดินทาง
TIPS รู้ก่อนเที่ยว
รถยนต์ส่วนตัว
1. เส้นทาง จากกรุงเทพฯ (ห้างฟิวเจอร์ปาร์ครังสิต) ใช้ถนนพหลโยธิน (ทางหลวงหมายเลข 1) มุ่งหน้าสู่จังหวัดสระบุรี ประมาณ 75 กิโลเมตร จะถึงตัวเมืองสระบุรี จากนั้นขับตรงไปมุ่งหน้าสู่จังหวัดลพบุรี ประมาณ 16 กิโลเมตร สู่ภูทับเบิก จากเพชรบูรณ์ ใช้ทางหลวงหมายเลข 21 ประมาณ 40 กิโลเมตร ถึงสี่แยกหล่มสัก ตรงไปตามทางหลวงหมายเลข 203 อีก 13 กิโลเมตร พบป้ายบอกทางไปอุทยานแห่งชาติ ภูหินร่องกล้า ตามทางหลวง 2011 และทางหลวงหมายเลข 2331 อีก 40 กิโลเมตร ถึงด่านเก็บค่าธรรมเนียมของอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า จากตรงนี้มีทางแยกขวาเข้าหมู่บ้านทับเบิกไปอีก 6 กิโลเมตร เส้นทางจากหล่มเก่ามาภูทับเบิกจะสูงชันและคดเคี้ยวมาก รถบัสไม่สามารถขึ้นได้ ผู้ที่ใช้รถยนต์หรือรถตู้ ควรขับรถด้วยความระมัดระวัง
2. อีกเส้นทางหนึ่งใช้เส้นทางด้านอำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก ผ่านอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้าเลยที่ทำการ อุทยานฯ มาประมาณ 24 กิโลเมตร จะถึงภูทับเบิกหากขับรถต่อไปจะมาบรรจบกับเส้นทางที่ จะลงไปยัง อำเภอหล่มเก่า
รถประจำทาง
• นั่งรถโดยสาร บขส. กรุงเทพฯ - หล่มสัก ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 6 ชั่วโมง มาลงที่หล่มสัก หลังจากนั้นเหมาสองแถวที่อยู่บริเวณหล่มสักเพื่อขึ้นสู่ภูทับเบิก อัตราค่าจ้างประมาณ 1,200 บาท หรือแล้วแต่ตกลง สอบถามข้อมูลรถสองแถว โทร. 08-6119-1092
สอบถามตารางเวลาเดินรถ บขส. ที่ Call Center 1490 เรียก บขส


ที่มา  :  http://travel.sanook.com/929561

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น